งานเลี้ยงรับรองราชทูตหนานเยียนถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ศาลารัตติกาล
โคมหยกนับพันแขวนเรียงราย ผ้าแพรพลิ้วลู่ลมประดับเสาไม้หอม ท่ามกลางกลิ่นชาหอมอ่อนและเครื่องดนตรีจีนโบราณที่บรรเลงคลอเบา ๆ
เซียนหลันนั่งนิ่งอยู่แถวล่างสุดตามฐานะในตำหนัก
นางเลือกชุดผ้าหลิงหลัวสีขาวปักลายหงส์แดงที่ทอด้วยมือเอง ขับผิวให้งามประหนึ่งแสงจันทร์สะท้อนน้ำ
นางไม่โดดเด่น…แต่ไม่อาจละสายตาได้เช่นกัน
เสียงขันทีหลวงประกาศชื่อผู้มาใหม่อย่างเป็นทางการ
“เชิญคุณหนูซูเมิ่งอวี่ บุตรีขุนนางเอกอัครเสนาบดีแห่งแคว้นหนานเยียน พระคู่หมั้นแห่งรัชทายาทเฟิงอวี้หาน เข้าร่วมงานถวายพระพร”
ทุกเสียงเงียบกริบ
แม้แต่สายตาของฮ่องเต้ยังชะงักไปชั่วครู่
เซียนหลันเลิกคิ้ว
…คู่หมั้น?
⸻
ซูเมิ่งอวี่ ปรากฏตัวในชุดผ้าไหมชั้นดีสีชมพูอ่อน แพรวพราวแต่ไม่ฉูดฉาด ร่างสูงโปร่ง ดวงหน้าคล้ายจะสงบ แต่แฝงความมั่นใจเยือกเย็นอยู่ลึก ๆ
นางยิ้มเพียงบางเบาเมื่อเข้าสู่ท้องพระโรง ก่อนโค้งคำนับเรียบร้อยราวกับบทเรียนวังหลังที่ฝึกมานับพันครั้ง
“หม่อมฉันซูเมิ่งอวี่ ขอถวายพระพรฝ่าบาท”
เฟิงอวี้หานนั่งนิ่ง ไม่กล่าวสักคำขณะนางเดินเข้ามา
แต่ท่าทีไม่ผลักไส…นั่นเพียงพอแล้วสำหรับคนตาไวอย่างเซียนหลัน
⸻
หลังเลิกงานเลี้ยง บรรยากาศเบื้องหลังกลับแฝงความตรึงเครียด
เซียนหลันเดินผ่านศาลาดอกเหมยกลางสวน แต่สายตากลับสะดุดกับภาพเบื้องหน้า—
ซูเมิ่งอวี่ยืนอยู่ใต้ต้นเหมย หันหน้าเข้าหาเฟิงอวี้หาน ใบหน้าสงบนิ่ง
ส่วนเขา…แม้ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้หลีกหนี
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” เสียงของเขาเรียบเฉย
“มาในฐานะทูต…และในฐานะที่ข้าเคยอยู่ข้างเจ้าเสมอมา”
เซียนหลันกำลังจะหันกลับ
แต่แล้วก็หยุด… นางเดินเข้าไป หยุดอยู่ห่างออกไปหนึ่งช่วงตัว
“ขออภัย หม่อมฉันลืมผ้าคลุมไว้ที่ศาลา”
ซูเมิ่งอวี่หันกลับมา ยิ้มละไมอย่างสงบ
“องค์หญิงเซียนหลันหรือเพคะ ข้าได้ยินพระสวามีเอ่ยชื่อเจ้า…หลายครั้ง”
“น่าเอ็นดูนัก เด็กน้อยที่กล้าเดินคนเดียวในวังหลังที่กินคนเช่นนี้”
เสียงอ่อนหวานแต่เจือเย้ยหยันอย่างแนบเนียน
เซียนหลันสบตาอีกฝ่าย แล้วยิ้มตอบบาง ๆ
“ขอบพระคุณคุณหนูซูที่เมตตา—นางหงส์ที่เคยโผบินไกลคงไม่กลัวคมกรงอีกต่อไปแล้วกระมัง?”
เฟิงอวี้หานมองสองสตรีตรงหน้า
ฝ่ายหนึ่งสงบเหมือนบัวกลางหนองน้ำ แต่แฝงพิษแหลมคม
อีกฝ่ายไม่เร่ง ไม่ต้าน เพียงวางตัวนิ่งราวผู้ครองเกม
“ข้าจะส่งผ้าคลุมคืนให้วันหลังก็ได้” ซูเมิ่งอวี่ว่า พลางยื่นให้ด้วยมือตน
เซียนหลันยื่นมือรับ ชั่วขณะปลายนิ้วทั้งคู่แตะกัน
ความเย็นยะเยือกแล่นเข้าสู่หัวใจ—ไม่ใช่เพราะอากาศ แต่เป็นเพราะศึกสงครามที่ไม่มีเสียงระฆังเริ่มขึ้นแล้ว
⸻
หลังจากนั้นไม่นาน
ข่าวลือเริ่มแพร่ไปเงียบ ๆ ว่า “องค์หญิงสี่แห่งแคว้นหลี่หลงใหลรัชทายาทต่างแคว้นอย่างลับ ๆ”
มีแม้กระทั่ง “บ่าวผู้เห็นนางเดินเข้าห้องหนังสือฝ่ายบุรุษในยามค่ำ”
เซียนหลันรู้ดี…นี่คือฝีมือของใคร
⸻
“เจ้าเริ่มก่อน…”
“แต่ข้าจะเป็นคนจบเกม”