ข่าวลือ เป็นพิษที่ไร้กลิ่น
หากปล่อยทิ้งไว้ จะค่อย ๆ แทรกซึมทุกอณูวังหลวงโดยไม่มีใครทันระวัง
ไม่กี่วันหลังซูเมิ่งอวี่เข้าวัง ข่าวกระซิบในหมู่ข้าหลวงและขันทีก็ค่อย ๆ แผ่กระจาย
จากเสียงเบา ๆ กลายเป็นเสียงซุบซิบ
จากความสงสัย กลายเป็นข้อกล่าวหาที่คลุมเครือ
“องค์หญิงสี่นั้น…ไปพบรัชทายาทต่างแคว้นบ่อยผิดปกตินัก”
“ว่าแต่…แม้เด็กยังไม่แต่งนาง แต่หากใกล้ชิดเกินควร ย่อมกระทบชื่อเสียง…”
เซียนหลันนั่งจิบชาท่ามกลางบ่าวในตำหนักฮวาหลาน ดวงตาไม่ไหวติง
นางไม่จำเป็นต้องสืบก็รู้…ข่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง
⸻
“เจ้าจะทำสิ่งใด?”
เฟิงอวี้หานเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาในครั้งที่เขามาเยี่ยมตำหนัก
“ข้าไม่เคยกลัวข่าวลือ…”
เซียนหลันวางถ้วยชา แววตาราบเรียบ
“แต่ข้าจะไม่ยอมให้คนเช่นนั้น ‘ใช้ข่าวลือเป็นดาบ’ แล้วเดินจากไปอย่างลอยนวล”
⸻
คืนพระจันทร์สีเงินสว่างจ้า เซียนหลันจัด “งานน้ำชาเล็ก ๆ” เชิญสตรีจากวังหน้าและวังหลังที่อ้างว่าอยากฝึก “พิธีชงชาตามแบบแคว้นหนานเยียน”
ผู้เข้าร่วมมีทั้งคุณหนูตระกูลขุนนาง สตรีชั้นใน และ…แน่นอน “ซูเมิ่งอวี่” ก็ได้รับคำเชิญ
นางตอบรับทันที—รอยยิ้มบางบนริมฝีปากของซูเมิ่งอวี่ในเช้าวันนั้น เย็นเฉียบราวกับรู้ว่าเซียนหลันกำลัง “ดิ้น”
แต่เจ้าหงส์…ไม่ได้ดิ้น—นางขยับปีกต่างหาก
⸻
ภายในศาลาจันทร์ประดับกระจก
เซียนหลันนั่งกลางวง ใบหน้างดงามเรียบสงบ
เบื้องหน้าคือชุดชาจากแคว้นหนานเยียนที่ตกแต่งอย่างประณีต หอมกลิ่นดอกเหมยป่า
เมื่อทุกคนเข้าที่
เซียนหลันยิ้มอ่อนเอ่ยเสียงใส
“วันนี้มิได้เชิญเพื่ออวดความรู้…แต่ข้าอยากเล่าตำนานหนึ่งของแคว้นหนานเยียน”
“เคยมีหญิงผู้หนึ่ง แอบรักรัชทายาท แต่ไม่อาจประกาศ จึงใช้ชากลิ่นหอมมอมความทรงจำ เพื่อให้เขาจำได้เพียงเธอ…”
ทุกคนชะงักเล็กน้อย
เซียนหลันลุกขึ้น หยิบถ้วยชาหอมกรุ่นยื่นให้ซูเมิ่งอวี่โดยตรง
“เชิญคุณหนูซูชิมก่อนเถิด…ข้าเพิ่งผสมสูตรนี้เอง กลิ่นคล้าย ‘น้ำตาดอกเหมย’ ที่ใช้ในตำหนักเจ้าค่ะ”
แววตาของซูเมิ่งอวี่เปลี่ยนไปเพียงเสี้ยววินาที
นางยกถ้วยจิบเบา ๆ—ฝืนยิ้มรับ แล้ววางอย่างเรียบร้อย
“หอมดีเจ้าค่ะ เพียงกลิ่นแปลกกว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้น”
เซียนหลันยิ้ม ยกถ้วยจิบตาม
ก่อนหันมาพูดอย่างสุภาพกับแขกทั้งหลาย
“ข้าได้สูตรนี้จากนางกำนัลคนหนึ่ง…นางเล่าว่า มีผู้หญิงในแคว้นหนานเยียนเคยใช้กลิ่นชาหลอกว่าเป็นคู่หมั้นของรัชทายาท เพื่อให้ได้เข้าเฝ้าในตำหนักชาย”
“ว่ากันว่านางถูกลงโทษให้คุกเข่าสามวันเพราะใส่ร้ายผู้อื่น…”
เสียงหัวเราะแผ่วลอยผ่านคนฟัง
แต่หัวใจของซูเมิ่งอวี่กลับเย็นชืดอย่างไม่อาจปฏิเสธ
⸻
ข่าวใหม่เริ่มลือในวันถัดไป
“ว่ากันว่า…กลิ่นชาในห้องรัชทายาทเมื่อเดือนก่อน คล้ายกับสูตรจากตำหนักของคุณหนูซู”
“หรือจริง ๆ แล้ว…ผู้ที่วางข่าวลือ อาจไม่ใช่องค์หญิง?”
⸻
ซูเมิ่งอวี่ขบกรามแน่นในตำหนักพัก
นางรู้…เกมนี้เซียนหลันไม่เพียงเอาคืน แต่เล่นเกมบน “สนามที่นางชำนาญที่สุด” แล้วพลิกชนะด้วยรอยยิ้ม
⸻
คืนนั้น เฟิงอวี้หานเดินเข้ามาในห้องหนังสือของตำหนักชั่วคราว
พบเซียนหลันกำลังเรียงตำราอย่างเงียบ ๆ
“เจ้าไม่โกรธหรือ?”
“โกรธหรือ?” เซียนหลันเลิกคิ้ว
“ผู้ที่ไร้หลักฐานแต่กล้าเล่นกล ย่อมต้องรับมือกับผลลัพธ์”
“ข้าเพียง…ช่วยให้ผลมันออกฤทธิ์ไวขึ้นเท่านั้น”
เฟิงอวี้หานนิ่งไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะเอ่ยช้า ๆ
“เช่นนั้นเจ้าจงจำไว้…ในกระดานที่เจ้าวางเกม”
“ข้า จะไม่ยอมเป็นหมากของผู้ใด แม้แต่เจ้าก็ตาม”
เซียนหลันยิ้มบาง หันกลับมาจ้องตาเขา
“แล้วท่านล่ะ…”
“เป็นหมาก หรือเป็นผู้เล่นกันแน่?”