เสียงกลองสามชั้นในยามสายของวันแสดงถึงการต้อนรับคณะทูตจาก แคว้นเจี้ยนหรง
เป็นแคว้นกลางที่ตั้งอยู่ระหว่างแคว้นหลี่และหนานเยียน มีฐานะเป็นพันธมิตรที่รักษาความเป็นกลางมานานหลายสิบปี
ปีนี้ ทูตหลักมิใช่ขุนนางวัยกลางคนดังที่เคย
แต่เป็นสตรีผู้งามสง่าในชุดไหมฟ้าจาง ปักลายกลีบโบตั๋นทอด้วยด้ายเงินทั้งตัว
เดินนำขบวนมาอย่างไม่เกรงกลัวใคร
“เจียงซินหลัว… ทูตพิเศษแห่งแคว้นเจี้ยนหรง”
ขันทีหลวงประกาศเสียงกังวาน
ทุกสายตาในท้องพระโรงหันไปมอง
บางคู่มองอย่างทึ่ง—เพราะหญิงสาวผู้นี้ดูอ่อนวัยเกินกว่าจะเป็นทูต
บางคู่มองอย่างประหลาดใจ—เพราะใบหน้านั้นงามไม่แพ้กุ้ยเฟยในวัยสาว
แต่มีเพียงสายตาของเซียนหลันที่ “ไม่ว่างเปล่า”
…นางจำได้ทันที
⸻
ในอดีต เจียงซินหลัวเคยเข้าวังหลี่ครั้งหนึ่ง
ในฐานะตัวแทนสตรี “เย็บลายผ้าแห่งมิตรภาพ” ระหว่างแคว้น
และครั้งนั้น—แม้ไม่มีตำแหน่งใดในพิธี
แต่เจียงซินหลัวสามารถเดินเข้าใกล้เฟิงอวี้หานได้ในระยะที่ไม่มีใครอนุญาตให้เข้า
เพียงหนึ่งก้าว
ที่เปลี่ยนสถานะของนาง…จาก “แขก” เป็น “ภัย”
⸻
หลังพิธีต้อนรับ ฮ่องเต้เชิญคณะทูตร่วมงานน้ำชาในสวนดอกบัวหลวง
เจียงซินหลัวนั่งเยื้องกับเซียนหลันโดยบังเอิญหรือจงใจ ใครก็มิอาจแน่ใจ
นางยกชาขึ้นจิบเบา ๆ ดวงตาคู่งามเลื่อนมาสบสายตาเซียนหลันอย่างจงใจ
ก่อนจะเอ่ยประโยคแรกโดยไร้เกริ่น
“ได้ยินว่าพระองค์มีพระธิดาเพียงหนึ่งเดียว—งดงาม สมถะ และฉลาดเฉียบ”
“บัดนี้ข้ารู้แล้ว…ว่าข่าวลือมิได้เกินจริง”
เซียนหลันวางถ้วยชา
ยิ้มบาง ไม่อ่อนน้อมเกิน ไม่แข็งกร้าวเกิน
“ท่านก็สง่างามนัก ข้าคงต้องเพิ่มชื่อในบัญชี ‘ผู้ที่ไม่ควรมองข้าม’ เสียแล้ว”
เจียงซินหลัวหัวเราะ
เสียงหัวเราะของนางใส แต่ไม่อ่อนแอ
“นั่นสิ บัญชีขององค์หญิงคงยาวขึ้นทุกวัน”
“โดยเฉพาะ ‘สตรีที่เข้าใกล้รัชทายาทจากแคว้นอื่น’”
⸻
คำพูดแฝงยิ้มเย็น
แต่นัยแฝงในประโยค คือ “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังใกล้ชิดเฟิงอวี้หาน”
เซียนหลันไม่ตอบ
แต่นางสังเกตได้ทันที—ผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่แค่ทูต
แต่เป็น “สายลับ” ที่ถูกฝึกมาเพื่อสังเกตใจคน และวางหมากในมุมที่ไม่มีใครกล้าเล่น
⸻
หลังเลิกงานน้ำชา
เซียนหลันกำลังเดินกลับตำหนักพร้อมบ่าวหนึ่งคน
ขณะเดินผ่านทางระเบียงไม้ เจียงซินหลัวก็ตามมาทันพอดี
“องค์หญิง…ข้าขอเดินด้วยได้หรือไม่?”
เสียงของนางสุภาพเหลือเกิน…จนน่าระแวง
“เชิญ”
ทั้งสองเดินเคียงกันเงียบ ๆ ชั่วครู่
ก่อนเจียงซินหลัวจะเอ่ยขึ้น
“ข้ารู้ว่าท่านฉลาด…ฉลาดพอจะรู้ว่า ‘บางคน’ ที่อยู่ข้างท่านอาจมิได้อยู่เพื่อท่าน”
“และข้าก็ไม่ได้อยู่เพื่อใครทั้งนั้น”
“ข้าเพียงอยากอยู่รอดในโลกที่มีแต่ชายเป็นใหญ่…เช่นเดียวกับท่าน”
เซียนหลันหยุดก้าว
“หากท่านจะอยู่รอด…จงอย่าเหยียบศพใครระหว่างทาง”
“เพราะข้าจะไม่ใช่ศพที่ง่ายนัก”
เจียงซินหลัวยิ้มอีกครั้ง
แต่คราวนี้ในแววตานั้น—แฝงความเคารพบางอย่างอย่างคลุมเครือ
⸻
ในเงามืดที่ห่างออกไป
เฟิงอวี้หานยืนเงียบข้างเสาไม้ ไม่แสดงสีหน้า
แต่เสียงบทสนทนาเมื่อครู่…เขาได้ยินทั้งหมด
“สายลับจากแคว้นเจี้ยนหรง”
“กับเจ้าหญิงจากแคว้นหลี่…”
“ทั้งสองไม่ใช่ดอกไม้…”
“แต่คือหนามที่รอวันแทงคนได้พอดี”