Cherreads

Chapter 7 - เงาใต้ผืนแพร

หลังเหตุการณ์งานน้ำชา

ซูเมิ่งอวี่เงียบไปพักหนึ่ง

เงียบอย่างผิดสังเกต…แต่ไม่ใช่เพราะพ่ายแพ้

เพราะนางกำลังรอ “เวลาที่เหมาะสม” เพื่อโต้กลับในแบบที่ “ดูบริสุทธิ์” ที่สุด

โอกาสก็มาถึงในการจัด “พิธีเย็บผืนแพรประจำฤดูเหมันต์”

ธรรมเนียมเก่าแก่ที่สตรีชั้นสูงในวังหลวงต้องเข้าร่วม เพื่อถวายผืนผ้าไหมให้แก่ฮ่องเต้

เป็นการแสดงออกถึงกตัญญู ความละเอียด และความสามารถทางเรือนชั้นใน

และผู้ได้รับเกียรติ “เป็นผู้นำพิธี” ในปีนี้คือ…คุณหนูซูเมิ่งอวี่

ด้วยคำเสนอของกุ้ยเฟยซูเจิน

“เหตุใดต้องนาง?”

เซียนหลันเอ่ยเบา ๆ ขณะอ่านราชโองการ

“เป็นเพียงสตรีต่างแคว้น กลับได้วางตัวเป็นผู้นำพิธีในวังหลวง”

ขันทีผู้นำราชโองการแสร้งหัวเราะ

“เพราะคุณหนูซูเป็นว่าที่ ‘สะใภ้’ ของวังหลวงกระมังพ่ะย่ะค่ะ”

เซียนหลันไม่ตอบ

แต่นางรู้…นี่ไม่ใช่พิธีธรรมดา

นี่คือการดึง “สถานะ” ของซูเมิ่งอวี่ขึ้นเหนือ ตอกย้ำว่านางคือผู้นำของหมู่สตรี

ส่วนตน? แค่เจ้าหญิงรอวันถูกลืม

วันพิธี

ศาลาผ้าแพรกลางวังหลวงอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกหมื่นปี

โต๊ะวางผ้าไหมเรียงราย ผืนผ้าสีอ่อนวางเรียบชัด บรรดาคุณหนูต่างวางเข็มเย็บอย่างนอบน้อม

เซียนหลันนั่งอยู่มุมหนึ่ง ไม่เด่น

นางจงใจใช้ผ้าไหมสีเทาอ่อน ต่างจากผู้อื่นที่เลือกชมพู ฟ้า หรือน้ำตาลทอง

ซูเมิ่งอวี่ในชุดแดงกุหลาบ เดินผ่านแต่ละคนไปอย่างสง่างาม

นางยิ้ม ยกมือแตะผ้าของสาวงามตระกูลไป๋ แล้วหันมามองผืนผ้าของเซียนหลัน

“สีเทาเย็นเยียบ แม้เนื้อดี…แต่ช่างหม่นหมองนัก”

“เหมาะเป็นผ้าคลุมไหล่ในฤดูหนาวของหญิงชราเสียมากกว่า”

เสียงหัวเราะบางเบาดังขึ้นรอบวง

หญิงสาวบางคนปิดปากอมยิ้ม บ้างหลบตา บ้างมองเซียนหลันอย่างเห็นใจ

แต่เซียนหลันไม่สะทกสะท้าน

นางยังคงเย็บผ้าไปช้า ๆ มือเรียบสงบ ดวงตานิ่งเหมือนผิวน้ำที่ไม่มีคลื่น

“เพราะฤดูหนาวนี้ยาวนานนัก”

“ข้าจึงเลือกผืนสีเทา…เผื่อห่มหัวใจของผู้ที่อาจโดนความเย็นของข่าวลือกัดกินโดยไม่รู้ตัว”

ซูเมิ่งอวี่ชะงักเพียงเสี้ยววินาที

ก่อนยิ้มตอบกลับเช่นกัน

“แม่นางช่างเลือกถ้อยคำน่ารักนัก แม้แหลมคม แต่ก็ยังดูอ่อนหวาน”

“ความจริง…คล้ายผ้าแพร หากถูกเย็บด้วยเจตนาดี ย่อมงามน่ามอง”

“แต่หากใส่พิษลงในเส้นด้าย ต่อให้เนียนเพียงใด ก็ทิ่มแทงอยู่ดี”

พิธีสิ้นสุด

เซียนหลันเป็นเพียงหนึ่งในผู้ร่วมพิธี

แต่ฮ่องเต้กลับกล่าวเพียงประโยคเดียวกลางท้องพระโรง

“ผ้าสีเทาขององค์หญิงสี่ แม้หม่น แต่กลับทำให้ข้านึกถึงมารดาเจ้า…”

“นางเคยถวายผ้าสีเดียวกันตอนข้าออกศึกครั้งแรก”

ทั้งศาลาเงียบงัน

ขณะที่เซียนหลันก้มศีรษะต่ำ สีหน้าไม่เปลี่ยน

ซูเมิ่งอวี่ยิ้ม

แต่ในใจนางแทบกัดริมฝีปาก

ไม่ว่าจะพยายามยกตนขึ้นเพียงใด…หงส์นั้นยังคงเฉิดฉายในสายตาฮ่องเต้ แม้ไม่ต้องเอ่ยแม้แต่คำเดียว

คืนนั้น

เฟิงอวี้หานนั่งอ่านรายงานทูตในเรือนพัก

เสียงฝีเท้าเบา ๆ ทำให้เขาเงยหน้า เห็นเซียนหลันเดินเข้ามาเงียบ ๆ

“เจ้าไม่ควรเดินลำพังยามค่ำ” เขาเอ่ย

“ในวังหลวง ไม่มีใครเดินลำพังได้จริง ๆ หรอก” เซียนหลันตอบ

“แม้ข้าจะอยู่คนเดียว…แต่ข้างหลังข้า มีสายตาหลายคู่เฝ้ารอเพียงการสะดุด”

เฟิงอวี้หานจ้องนางครู่หนึ่ง

ก่อนเขาจะวางรายงานลง แล้วพูดเพียงเบา ๆ

“เจ้ากำลังเล่นเกมอยู่บนสนามที่เต็มไปด้วยเหยื่อ”

“แต่เจ้ากลับเดินเหมือนผู้ล่า…”

เซียนหลันยิ้มบาง

“เพราะหากข้าไม่ล่า…ข้าก็จะเป็นเหยื่อเช่นเดิม”

More Chapters