เสียงฝนพรำลงอย่างแผ่วเบา
ละอองเย็นเฉียบกระทบขอบชายหลังคา ละเลียดเป็นเส้นยาวลงมาตามเงาของศาลาหิน
เจียงซินหลัวยืนอยู่ใต้ต้นหลิวต้นหนึ่ง ดวงตาใต้ผ้าคลุมสีดำจับจ้องไปยังตำหนักฮวาหลานอย่างแน่นิ่ง
นางเคยอยู่เบื้องหลัง
เคยเป็นเงาของเงา
เคยคิดว่าการเดินบนเส้นทางสายลับคือความภาคภูมิที่สุดในชีวิต
แต่ตอนนี้ ทุกคำสั่งที่ถูกส่งมา…กำลังตีกลับด้วยคำถามจากข้างในหัวใจ
“ทำลายพยานทั้งหมดก่อนพิธีเชื่อมพันธมิตรจะเริ่ม…”
ประโยคจากจดหมายเจี้ยนหรงยังสะท้อนในใจ
เซียนหลัน…ผู้หญิงที่นางเคยคิดว่าต้องล้มให้ได้
ตอนนี้กลับเป็นคนเดียวที่นาง “ไม่อยากลบ” ออกจากกระดาน
เจียงซินหลัวไม่รู้ว่าตัวเองเดินมายืนหน้าตำหนักนี้ตั้งแต่เมื่อไร
รู้เพียงว่าขาไม่ได้หยุดก้าวตั้งแต่ใจเริ่มหวั่นไหว
⸻
บ่าวเฝ้าตำหนักมองหญิงแปลกหน้าผ่านม่านฝนอย่างลังเล ก่อนจะชะงัก เมื่อคนตรงหน้าพูดเบา ๆ
“ไปบอกองค์หญิงว่า ‘ท่านหญิงจันทร์เสี้ยวจากแคว้นเจี้ยนหรง’ มาขอพบ”
บ่าวผู้นั้นเบิกตากว้าง — ชื่อเล่นนี้ไม่มีใครใช้มานานหลายปี
นั่นคือชื่อปลอมที่เจียงซินหลัวเคยใช้ระหว่างเดินทางผ่านแคว้นต้าเซี่ยในฐานะบัณฑิตสาว
แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้…
⸻
ภายในตำหนักฮวาหลาน
เซียนหลันยืนรอใต้ชายคา เงาร่างในชุดคลุมบางแนบแน่นกับแสงเทียนจากห้องด้านใน
เมื่อสายตาพบกับเจียงซินหลัว
เงียบงันครู่หนึ่ง…ไม่มีใครเอ่ยถ้อยคำใด
จนกระทั่งนางเอกเป็นฝ่ายยิ้มบาง ๆ
“เจ้ากล้ามากนะที่มาแบบนี้…ในคืนฝนที่คนมากมายกำลังรอเห็นข้า ‘ลื่นล้ม’”
เจียงซินหลัวถอนผ้าคลุมศีรษะออก เผยผมยาวที่ชื้นฝนเล็กน้อย
“ข้าเคยเป็นคนล่าข้อมูล แต่ไม่เคยรู้ว่า ‘ความเงียบ’ บางครั้งก็ดังกว่าคำสั่งจากเบื้องบน”
เซียนหลันพยักหน้าเบา ๆ
“นั่นแหละคือสิ่งที่ข้ารู้จักมานาน…เงียบ จนคนอื่นนึกว่าข้าไม่มีเสียง”
⸻
ทั้งสองนั่งลงที่ม้านั่งใต้ชายคา
เสียงฝนหยดบนพื้นไม้ดังเป็นจังหวะชวนคิด
เจียงซินหลัววางกล่องไม้ขนาดเล็กลงบนโต๊ะ
“ในนี้คือบัญชีที่ควรถูกเผาทิ้ง”
“แต่ข้าเลือก ‘ไม่เผา’ เพราะเจ้า…เพราะสิ่งที่เจ้าเป็นในตอนนี้ ไม่ใช่ภาพในรายงาน”
เซียนหลันเลิกคิ้วเพียงนิด
“ข้าไม่แน่ใจว่าควรดีใจหรือระวังตัว…เพราะข้าเองก็ไม่ใช่คนใสสะอาด”
“ข้าทำให้คนบางคนพังพินาศ เพียงเพราะเขาคิดว่าข้าจะไม่รู้ทัน”
เจียงซินหลัวหลุบตา
“เจ้ารู้ตัวหรือไม่ ว่าเจ้าใช้ความเฉยชาของตน…เป็น ‘เสียงตอบโต้’ ที่แสบที่สุด”
“รู้…”
เซียนหลันยิ้มจาง
“แต่ข้าไม่แน่ใจว่าควรขอบใจเจ้า หรือเตือนใจตนเองไม่ให้เชื่อเจ้าเร็วเกินไป”
⸻
ฝนเริ่มหยุดตก
เจียงซินหลัวลุกขึ้นยืน
“ข้าไม่ได้มาขอเป็นพวกเจ้า”
“แต่ข้า…จะไม่เป็น ‘หมากของใคร’ อีก”
“ถ้าข้าเลือกลงมือ ข้าจะเป็นผู้เดินเกม ไม่ใช่เบี้ยที่รอคนเขี่ยทิ้ง”
เซียนหลันยืนนิ่ง มองหญิงสาวที่เธอเคยเผชิญหน้าในฐานะศัตรู วันนี้เปลี่ยนมาอยู่ในฐานะ “เงาเคียงข้าง”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่หายไปจากกระดานนี้เร็วเกินไป”
“ข้าอยากรู้ว่า ‘เจียงซินหลัวที่ไม่ใช่เงา’ จะทำเกมได้สวยแค่ไหน”
⸻
เมื่อเงาร่างของเจียงซินหลัวลับจากสายตา
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังจากด้านหลัง
เฟิงอวี้หานยืนพิงเสาไม้ มือไขว้หลัง ใบหน้าราบเรียบ
“เจ้าปล่อยให้เธอมาเจอแบบนี้…ไม่กลัวคนจะเข้าใจผิดหรือ?”
เซียนหลันไม่หันมามอง
เพียงตอบเสียงเรียบ
“ข้าไม่เคยกลัว ‘คำครหา’ มากเท่ากลัวจะเสียโอกาสฟังความจริงจากปากศัตรู”
เฟิงอวี้หานหัวเราะเบา ๆ
“ข้ากำลังเริ่มไม่แน่ใจว่าใครวางหมากเหนือกว่ากันแน่…”